Love
Slave : ทาสรัก..อสูร
(ฉบับ โหด มัน ฮา...)
ยิ่งแค้น ยิ่งแสนรัก ยิ่งหฤโหด
ยิ่งโคตรหฤฮา.. "ทาสรักอสูร"
นำแสดงโดย : หม่ำ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา, พิ้งกี้
สาวิกา ไชยเดช, อ๋อม สกาวใจ พูลสวัสดิ์, อุ้ม ลักขณา วัธนวงส์ศิริ, น้ำฝน
สรวงสุดา, บิณฑ์-เอกพันธ์ บันลือฤทธิ์
ผู้ผลิต : บั้งไฟฟิล์ม
ผู้กำกับ : เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา
วันที่เข้าฉาย : 10 กรกฎา พ.ศ. 2557
จัดจำหน่าย : สหมงคลฟิล์ม
อำนวยการสร้าง : สมศักดิ์
เตชะรัตนประเสริฐ
แนวภาพยนตร์ : Comedy / Drama / รักหฤโหด โคตรหฤฮา
Trailers
ยิ่งแค้น ยิ่งแสนรัก ยิ่งหฤโหด ยิ่งโคตรหฤฮา.. "ทาสรักอสูร"
จงลืมนิยายรักหฤโหดอันแสนลือลั่นที่คุณเคยรู้จัก
เพราะว่าตลกหน้าเหลี่ยม ในผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องที่ 11 ของเขา "เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา" หรือที่รู้กันเป็นอย่างดี “หม่ำ
จ๊กม๊ก” จะเปิดตำนานรักครั้งใหม่ที่ไม่เหมือนครั้งไหนๆ
จะเป็นยังไง เมื่อเขาต้องพลิกบทบาทเป็น “พิศาล” เอ้ย...ยยย “นายหัว ชายเถื่อนไร้หัวใจ” ที่ทุกคนต้องอึ้งและฮา
ปะทะ “สาวเมืองกรุงแสนสวยขี้วีน” ที่รับบทโดยนักแสดงสาวหน้าคม
“พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช” ตำนานรักครั้งใหม่สุดเข้มข้นที่มีหัวใจเป็นเดิมพัน...
กำลังเริ่มต้นขึ้น ทั้งรัก ทั้งแค้น ทั้งมันส์ ทั้งฮา ด้วยลีลาแบบ 360 องศา
กับภาพยนตร์รักหฤโหด โคตรหฤฮา
แนวคิดของผู้กำกับในการสร้างภาพยนตร์เรื่อง.. "ทาสรักอสูร"
“มันมาจากการที่เราอยากเปลี่ยนสไตล์ อยากตลก-ผสม-ดราม่า ซีเรียสนิดๆ ด้วยความที่ผมเป็นคนชอบดูหนังไทยเก่าๆ ละครก็ดูบ้าง ก็เลยมาปิ๊งที่สไตล์หนังของพี่เปี๊ยกพิศาล ก็ถือเป็นแรงบันดาลใจของการทำหนังเรื่องนี้นะ ก็เลยคิดว่าเอามาทำเป็นแบบฮาๆ ดีมั้ย เราไม่ต้องใช้คำหรูๆ ใช้คำง่ายๆ ให้อารมณ์เป็นภาพยนตร์รักหฤโหด โคตรมหาฮา ซึ่งเราไม่ได้ตบจูบๆ เหมือนเขา แต่ของเราเป็นคิวแอ็คชั่นเวอร์ๆ สวยๆ แทน
ถามว่าเราจะทำทาสรักอสูรล้อเลียนละครหรือเปล่า ก็ไม่นะ ผมว่าคนละอย่างกันเลย อันนี้มันก็จะทางของเรา ตอนไปเสนอเสี่ยเจียง (สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ) เสี่ยเห็นชื่อแล้วถามว่าเป็นหนังชีวิตหรือเปล่า ผมบอกไม่ๆ เป็นหนังตลก ดราม่า มีโรแมนติกด้วย เนื้อเรื่องอาจมีอิงจากในละครบ้าง แต่ผมจะเล่าใหม่ในทางของผม เราก็มานั่งไล่เรียงว่าจะทำยังไงดี ก็เลยมานั่งคุยกับทีมงานว่าบทมันน่าจะเป็นแบบนี้นะ เราอยากจะทำอะไรให้แตกต่าง คือถ้าเราจะทำให้มันเหมือนเป็นละคร มันก็ไม่ได้ เราต้องทำฟีลภาพยนตร์ที่มันต้องดูหนาๆ กว่านั้น”
หลายคนคงอยากรู้ว่า
ฉากรักหฤโหดจะถูกดีไซน์ออกมาแบบไหน ในทางของผู้กำกับหม่ำ ซึ่งบอกได้คำเดียวว่าคงต้องลืมนิยายรักฉบับเดิมๆ
ไปได้เลย เพราะในเรื่องนี้เขาขอจัดเต็มให้ แบบทั้งมันส์ ทั้งฮา ด้วยลีลาแบบ
360 องศา เลยทีเดียว
“ก็อยากให้นึกถึงหนัง
พี่พันนาไว้เลย (พันนา ฤทธิไกร ปรมาจารย์นักบู๊อันดับหนึ่งของเมืองไทย)
อารมณ์นั้นเลย พิ้งกี้มากองบางทียังงงเลย บอกนี่มันหนังแอ๊คชั่นรึเปล่าน้าหม่ำ พิ้งกี้นี่โดนสารพัดเลยนะ ถีบทะลุหลังคาออกมาเลยก็มี ฉากสามสาวรุมตบกัน (พิ้งกี้-อุ้ม-อ๋อม) แอ็คชั่นเต็มๆ เลยนะ ฉากนี้มีสลิง
มีการวางแผนกันนาน เราก็ดีไซน์ไม่ให้ออกมาเป็นฉากตบธรรมดา อารมณ์เหมือนหนังโจวชิงฉือนิดๆ
มีขึ้นสลิง กระโดดตบเหมือนแข่งวอลเล่ย์บอลเลย ก็ทั้งพิ้งกี้, อุ้ม, อ๋อม เขาก็ต้องมีขึ้นสลิง
แล้วแต่ละคนนี่ไม่เคยต้องมาแอ็คชั่นอะไรแบบนี้เลย แล้วถ่ายกันตั้งแต่เช้ายันเย็น
ถ่ายยากนะฉากนี้ ลองดูในหนังกัน ส่วนผมกับพิ้งกี้ก็มีปะทะคารมกันตลอด ก็โดนเขาด่าต่างๆ
นานา แต่ละคำนี่อื้อหือ แล้วเวลาทะเลาะกันอยากให้นึกถึงหนังพี่พันนาไว้ แบบนั้นเลย
ลองไปดูกัน”
การกลับมาของดาวร้านหน้าสวย ขวัญใจแม่ค้าทั่วไทย ที่ทั้งสวย
ทั้งร้าย และทั้งฮา
ในแบบที่คุณไม่เคยได้เห็นที่ไหน
.. ซึ่งผู้กำกับได้พูดถึงตัวละครตัวร้ายว่า
“ได้สองคนนี้มาเล่นถือว่าลงตัวเลย
คือตัวละครของดอกอ้อกับเจ็ทสกีจะพยายามแย่งนายหัวเพิ่มกัน อย่าง
อ๋อมรับบทเป็นดอกอ้อ เป็นแฟนเก่าที่กลับมาง้อขอคืนดี จะร้ายแบบจอมวางแผนหน่อย
อ๋อมถึงจะมาจากสายละคร แต่พอมาเล่นหนังเขาก็ทำได้ดี คือร้ายออกตาออกหน้าเลย
ในเรื่องดอกอ้อก็จะมีเอกลักษณ์ คือหัวเราะแบบแม่มด คือหัวเราะแบบลากยาว
อ๋อมเขาเล่นเป็นธรรมชาตินะ คือดูแล้วคิดว่าเขาเป็นคุณนายดอกอ้อจริง”
สำหรับสาว “อุ้ม
ลักขณา” คงไม่ต้องบรรยายถึงความเร่าร้อนเซ็กซี่ของเธอ
เพราะเป็นถึงเซ็กซี่สตาร์ตัวแม่ของเมืองไทย
งานนี้เลยไปเตะตาโดนใจผู้กำกับหม่ำเข้าอย่างจัง เพราะเหมาะมากรับบท “เจ็ทสกี” สาวสก๊อยประจำเกาะที่งัดไม้ตาย
ทั้งออดทั้งอ้อน ทั้งยั่วยวนนายหัวเพิ่มแบบสุดตัว ซึ่ง “หม่ำ
จ๊กม๊ก” พูดถึงอุ้มและบทบาทนี้ว่า
“อุ้มในเรื่องชื่อเจ็ทสกี เป็นหลานคนใช้ในเกาะ
เจ็ทสกีก็จะร้ายแบบน่ารักๆ ใช้เสน่ห์ยั่วยวนนายหัวเพิ่ม เพราะอยากเป็นเจ้าของเกาะ
อุ้มเขาทุ่มสุดตัวจริงนะ ก็จะมีถึงเนื้อถึงตัว บางทีก็เอาหน้าอกมาถูหลังอย่างเนี่ย
เราก็อุ้ยตายๆ ผมว่าเวลาอุ้มกับอ๋อมเข้าฉากกัน เวลาต่อปากต่อคำกันมันดูเข้าขากันดีนะ
แล้วอุ้มเนี่ยเขาเป็นมืออาชีพสูงมาก ให้ใส่ชุดอะไร ให้ทำท่าทางอะไร จัดให้หมด
ในเรื่องอุ้มมีต้องเต้นโพลแดนซ์ ลองไปดูกันเหมือนมืออาชีพเลยนะ
ทั้งที่ไม่มีเวลาซ้อม เล่นเอาทีมงาน ทีมไฟ ตาสว่างกันเลย”
ทางด้านของดาวร้ายหน้าสวย
“อ๋อม
สกาวใจ” ก็พูดถึงสาเหตุที่ตัดสินใจโดดมาเล่นหนังเต็มๆ
ครั้งแรกในชีวิต ว่าเป็นเพราะหลงเสน่ห์ เอ้ย...ชื่นชอบในผลงานของผู้กำกับหม่ำเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
แถมคาแร็คเตอร์ดอกอ้อก็เป็นสไตล์ที่สาวอ๋อมถนัดอยู่แล้ว
“ก็มีน้องทีมงานโทรมาหา
บอกว่าพี่หม่ำจะทำหนังเรื่องใหม่แล้วอยากให้เรามาเล่น
เราก็ตกใจเพราะว่าปกติเราไม่ได้มาทางสายหนัง เราก็จริงเหรอ พี่หม่ำชวนมาเล่น
คือใจตกลงรับเล่นไปแล้ว เรามั่นใจในพี่หม่ำด้วย
เพราะว่าเราก็ดูหนังพี่หม่ำทุกเรื่องเลย
เราก็ถามพี่หม่ำว่าคาแร็คเตอร์ดอกอ้อเป็นยังไง พอพี่หม่ำเล่าคร่าวๆ
ให้ฟังก็อยากเล่นเลย ก็ไม่รู้พี่หม่ำเห็นอะไรในตัวอ๋อมนะ
อ๋อมอาจจะมีเอกลักษณ์ที่ดูตลกดี ก็ไม่ว่าจะทำอะไรก็หัวเราะตลอดเวลา
หัวเราะแบบไร้สาเหตุ จริงๆ แล้วเราเป็นคนอารมณ์ดีแล้วก็ชอบหัวเราะอยู่แล้ว
ในหนังเวลามีอะไรสมใจนึกก็หัวเราะไป ก็เหมือนคนบ้าดี”
ทางด้านสาวอุ้มก็ออกมายอมรับเลยว่า
อยากร่วมงานกับผู้กำกับหม่ำมานานแล้ว และหลังจากที่ได้อ่านบท
เจ้าตัวก็ตัดสินใจมาสวมบท “เจ็ทสกี” แบบทันที
งานนี้หนุ่มๆ คงต้องอิจฉา “นายหัวหม่ำ” เอ้ย “นายหัวเพิ่ม” กันถ้วนหน้า
“พอได้มาทำงานด้วยกันกับพี่หม่ำก็คนละอารมณ์กับที่เราเคยเจอแกข้างนอกเลย
เวลาที่พี่หม่ำกำกับจะดูเครียดมาก คือแกมีสมาธิกับงานสูงมาก
เวลาหน้างานเราก็ต้องมีสมาธิมากๆ เพราะพี่หม่ำจะเสริมมุกสดอยู่ตลอด
เราก็ต้องฟังแล้วก็ถ่ายทอดตามที่พี่หม่ำต้องการ
ซึ่งอุ้มเองก็มีพื้นฐานในการเล่นซิตคอมมาอยู่แล้ว ก็เลยเล่นตลกไม่ค่อยยากเท่าไหร่
แล้วอุ้มก็เป็นคนที่เต็มที่อยู่แล้วบ้าๆ บอๆ พอเราแสดงให้พี่หม่ำดู
แกก็บอกอุ้มเล่นได้นะ เราก็ดีใจเลยหายเกร็ง ก็อย่างฉากแรกที่ต้องเล่นคู่กับพี่หม่ำ
แล้วเราต้องไปลวนลามเขา กลายเป็นว่าพี่หม่ำเกร็งเรามากกว่าซะงั้น (หัวเราะ)”
บันทึกผู้กำกับ (Director’s
Note)
เรื่องนี้ก็เป็นหนังเรื่องที่
11 แล้ว เผลอแป๊บเดียว ตั้งแต่ทำ “บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม” (2547) ยังจำตอนที่ทำเรื่องแรกได้อยู่เลย เหมือนเราได้ทำในสิ่งที่เรารัก
เหมือนเราได้ทำตามความตั้งใจ เพราะเล่นหนังมาก็เป็นหลายสิบเรื่อง
ไปเล่นหนังให้เขาก็คันไม้คันมืออยากทำหนังเองบ้าง ก็ต้องขอบคุณเสี่ยเจียง
(สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ) มากครับที่ให้โอกาส ให้ตลกอย่างผมได้ทำหนัง
ก็จากเรื่องแรกมาถึงเรื่องล่าสุด “ทาสรักอสูร” (2557) นี่ก็สิบปีพอดีในการเป็นผู้กำกับหนังนะ ทำมาก็หลากแนวหลายรูปแบบ
เรื่องนี้ก็เป็นแนว “หนังรักหฤโหด โคตรหฤฮา” ที่ผมก็ตั้งใจทำเต็มที่เพื่อให้ผู้ชมได้สนุกเฮฮากัน
ก็ต้องขอบคุณพ่อแม่พี่น้องหลายๆ
เด้อที่คอยไปดู ไปชม ไปเชียร์ และชอบหนังหลายๆ เรื่องของผมกัน
ก็ยังจะมีเรื่องใหม่ๆ ให้ดูกันอีกแน่นอน หนังตลกสไตล์หม่ำคนนี้
แต่ต้องไปดูเรื่องนี้กันก่อนนะ แล้วเจอกันใหม่เรื่องหน้าเด้อ...
เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา
ผู้กำกับภาพยนตร์รักหฤโหด โคตรหฤฮา “ทาสรักอสูร”
เบื้องหลังความฮา.. "ทาสรักอสูร"
เรื่องย่อ . . .
เรื่องราวรักสุดเข้มข้น
เดี๋ยวก็ “ฮา” เดี๋ยวก็ “โหด” เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่ “อู้อี้”
(พิงกี้ สาวิกา) หญิงสาวเมืองกรุงสุดไฮโซ
ฟื้นขึ้นมาบนเรือลำหนึ่งและพบกับความจริงว่า เธอกำลังถูกลักพาตัวมายังเกาะๆ
หนึ่งโดยที่เธอก็ไม่รู้ว่าใครกันที่จับเธอมาและด้วยเหตุผลอะไรกัน “ทำไมถึงทำกับฉันด้าย...ยยยยยย”
อู้อี้ (รับบทโดย สาวิกา
ไชยเดช) - หญิงสาวชาวเมืองสุดไฮโซ สาวมั่นกล้าในทุกๆ เรื่อง ไม่เคยกลัวใคร
เป็นคนตรงและปากจัด ถึงระดับปากหมาเลยทีเดียว ชอบพูดคำหยาบจนเป็นนิสัย
นายหัวเพิ่มลักพาตัวอู้อี้มาเพื่อแก้แค้น โดยที่เธอก็ไม่รู้ว่าเธอไปทำอะไรไว้
ถึงมาทำได้กับเธอขนาดนี้
ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์สุดๆ
เมื่อ “ทาสรักอสูร”
ไปคว้านักแสดงสาวฝีมือคับแก้วอย่าง “พิ้งกี้-สาวิกา
ไชยเดช” มาร่วมงานกันเป็นครั้งแรก
ซึ่งงานนี้สาวพิ้งกี้ต้องมาพลิกบทบาทชนิดช็อกวงการแบบที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน
กับบท “อู้อี้” หญิงสาวขี้วีนปากจัดที่ถูกจับมาชดใช้ความแค้นของนายหัวเพิ่ม
เรียกว่าสลัดคราบนางเอกละครที่คุ้นตากันไปเลย
จนเมื่อเรือมาจอดที่เกาะ
เธอก็พบว่าคนที่จับเธอมาคือ “นายหัวเพิ่ม” (หม่ำ จ๊กม๊ก)
เจ้าของเกาะมาดเถื่อน ผู้ที่จมอยู่กับอดีต
และความแค้นที่มีคนมาทำร้ายจิตใจพี่สาวของตนจนเต้องฆ่าตัวตายไป และนี่คือเหตุผลที่เขาจับตัวอู้อี้มา
เพราะต้องการแก้แค้นพ่อของอู้อี้ที่เป็นคนทำร้ายพี่สาวของเขานั่นเอง
อู้อี้ต้องถูกกดขี่
ถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจ และต้องตกเป็นทาสของนายหัวเพิ่ม ซึ่งนั่นยังไม่ทุกข์ทรมานพอ
เพราะเธอยังต้องเจอภัยเสริมจาก “ดอกอ้อ” อดีตแฟนเก่าสุดเร่าร้อนของนายหัวเพิ่ม
และ “เจ็ทสกี” หลานสาวสุดเซ็กซี่ของลูกน้องคนสนิท
ที่ต่างพากันกลั่นแกล้งเพราะหึงหวงกลัวอู้อี้จะกลายมาเป็นเมียใหม่ของนายหัวเพิ่ม
“กักขังฉันเถิดกักขังไป ขังตัว อย่าขังหัวใจดีกว่า”
นายหัวเพิ่ม (รับบทโดย
เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) - ชายผู้มีจิตใจอ่อนไหว สุภาพในคำพูด ก้าวร้าวในการกระทำ
รักในศิลปะการวาดภาพจนถึงศิลปะการต่อสู้ เขาจมอยู่กับอดีตรักแสนขม
และความแค้นที่มีคนมาทำร้ายจิตใจพี่สาวจนฆ่าตัวตาย จึงออกตามล่าหาคนๆ นั้น
แต่กลับได้ อู้อี้ ลูกสาวเขากลับมาแทน
“นายหัวเพิ่มเป็นเจ้าของเกาะ
เป็นคนที่จริงจังแต่ว่าก็มีความจริงใจนะ แต่ด้วยความที่มีอดีตฝังใจเรื่องการตายของพี่สาว
ก็เลยทำให้เป็นคนเคร่งขรึม ก็ถือว่าเป็นบทที่เครียดเหมือนกันนะ
ทั้งเรื่องไม่ได้ยิ้มเลย ลุคก็จะเข้มๆ อาร์ติสต์ ศิลปินหน่อยๆ
ต้องมีการติดหนวดติดเครา ใส่วิกผมยาว บุคลิกออกแนวเถื่อนๆ
แล้วหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ใต้ ก็เลยต้องมีพูดใต้กันบ้าง ปกติก็พูดใต้ได้ประมาณนึงอยู่แล้ว
โชคดีที่เคยไปอยู่ใต้มาก่อน ไปอยู่กับแม่ที่พังงา ก็พอได้อยู่”
นอกจากเราจะได้เห็นฉากรักหฤโหดในสไตล์ของนายหัวหม่ำแล้ว
เรายังได้สัมผัสรสชาติความแค้น และความรัก ของสองพระนาง รับรองได้ว่าเข้มข้นกว่ารสชาติละครหลังข่าวที่คุณคุ้นเคย
อย่างในฉากเลิฟซีนระหว่าง “หม่ำ-พิ้งกี้” ที่กว่าจะได้ฉากนี้ผู้กำกับหม่ำต้องตัดสินใจอยู่นาน
ด้วยความที่เป็นคนขี้อายสุดๆ แถมยังเกรงใจภรรยาสุดที่รัก ไหนจะยังมี “น้องเอ็ม บุษราคัม” ลูกสาวสุดที่รัก
ที่คุณแม่ส่งมาคุม เอ้ย..ไม่ใช่
มาสวมตำแหน่งเป็นโปรดิวเซอร์ให้คุณพ่อเต็มตัวครั้งแรกอีก
บอกได้คำเดียวว่าฉากนี้ผู้กำกับทำใจลำบากเหลือเกิน
เมื่อใจสองใจใกล้กัน
แม้จะมี “ด่า”
มี “ตบ” มี “กระทืบ” กันบ้าง แต่นั่นก็ทำให้นายหัวเพิ่มกับอู้อี้
เริ่มผูกพันกันเกินกว่าคำว่า “เจ้านาย” กับ “ทาส” ติดแต่เพียงทิฐิที่ทั้งคู่ยังก้าวผ่านไม่ได้
ความแค้น ความเกลียดชัง
และความรักแบบซาดิสม์ “ตบแล้วจูบ…พูดแล้วรัก”
สไตล์ละครหลังข่าว ผสมผสานความฮาของการล้อเลียน
ตำนานรักของอสูรผู้นี้จะจบลงที่ทาสรักอย่างไร เธอและเขาจะตามหาหัวใจกันเจอมั้ย...
Ref :
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น